หน้าเว็บ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กวดวิชาเชียงราย > ต้องเรียนที่ "ติวกัน"

เข้าชมเว็ปไซต์ "ติวกัน" คลิ๊ก www.tiwkan.com

กวดวิชาเชียงราย ต้องที่ "ติวกัน"

เพราะเพราะเหตุใด พ่อ แม่ ผู้ปกครอง จึงไว้วางใจในสถาบันเรียนพิเศษแบบติวต่อตัวที่... "ติวกัน''

ติวกัน เป็นศูนย์เรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว(ตามประเภทที่ 4 ) ที่ได้รวบรวมกลุ่มติวเตอร์รุ่นพี่ นิสิต นักศึกษา มืออาชีพ มากประสบการณ์ จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียของรัฐอาทิเช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น ด้วยการที่เรามองเห็นจุดด้อยของการเรียนพิเศษ ในรูปแบต่างๆ(ตามที่เคยอ้างถึงในบทความที่ 3 ) ที่ไม่สามารถตอบโจทย์การเรียนพิเศษ อย่างมีประสิทธิภาพตามที่นักเรียน และ ผู้ปกครองต้องการได้ ดังนั้นโครงการ รุ่นพี่ ติวหนังสือให้น้อง หรือที่เรียนกว่า ติวกัน จึงมีบทบาทที่เข้ามา ปรับเปลี่ยน และพัฒนา ระบบการศึกษาให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของการเรียนพิเศษที่..."ติวกัน"

1> ติวกัน... เป็นศูนเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวอย่างแท้จริงระหว่างผู้เรียน และ ผู้สอน ตั้งแต่ระดับชั้นประถม ถึงชั้นระดับอุดมศึกษา ด้วย Concep การเรียนแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าผู้เรียนจะมีพื้นฐานทางการเรียนเป็นอย่างไร ดี หรือ แย่แค่ไหน ไม่ใช้ปัญหาอีกต่อไปเพราะเราจะมีการวิเคราธห์ปัญหาของเด็แต่ละด้านว่าควรพัฒนา พื้นฐานในรายวิชานั้นๆมากน้อยแค่ไหน ไม่เหมือนกับการเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาทั่วไปที่ต้องเรียนรวมกับนักเรียนที่มีพื้นฐานทางการเรียนที่แตกต่างกันไป ดังัน้นนักเรียนที่เรียนรู้ช้า หรือมีพื้นฐานทางการเรียนที่ไม่ดี ก็จะเสียเปรียบและ เรียนไม่ทัน เพื่อนๆในห้องเรียน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุว่าทำไมการเรียนกวดวิชาจึงไม่ได้ผลการเรียนที่ชัดเจนอย่างแท้จริง

2> ติวกัน...ได้รวบรวมรุ่นพี่มากประสบการณ์ที่สามารถ่ายทอดความรู้สู้นักเรียนได้อย่างมีประสิธิภาพ ด้วยวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ที่ใกล้เคียงกันดังนั้นภาษาและการสื่อสารจะเข้าใจกันง่ายกว่าการเรียนการสอนกับคุณครูที่มี วัยที่ต่างกัน การใช้ภาษาทั้งภาษา และ ประสบการณ์ของครูผู้สอนที่มีวัยที่ต่างกันจึงเป็นอุปสรรค์ในการถ่ายทอดความรู้และประสบการที่นักเรียนไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้จริง

หากเป็นการเรียนการสอนแบบพี่ติวหนังสือให้น้องแล้ว ไม่ใช่แค่ความรู้เท่านั้น ที่นักเรียนจะได้รับอย่างเต็มที่ แต่ยังเป็น ประสบการณ์ การแนะแนวการศึกษาต่อ รวมทั้งการใช้ชีวิติในรั้วมหาวิทยาลัย ที่นักเรียนนั้น สามารถนำประสบการณ์จากรุ่นพี่ติวเตอร์ นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของน้องๆนักเรียนได้อย่างแท้จริง

3>บรรยากาศในการเรียนเป็นกันเอง ด้วยกลุ่มเล็กๆ ตามที่นักเรียนต้องการว่าต้องการ เรียนกับเพื่อนคนไหน จำเรียนเรียนในห้องเท่าใด น้องๆ สามารถออกแบบบรรยาการการเรียรนได้เสมอ ไม่เหมือนกับบรรยากาศการเรียน ที่โรงเรียนกวดวิชาที่ต้องเรียนกันมากถึง เป็น ร้อยๆคนต่อหนึ่งห้องเรียน ตามสถาบัญที่มีชื่อเสียงต่างๆ
ความหนาแน่นของจำนวนนักเรียนจึงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสามธิในการเรียนของนักเรียน

"ติวกัน"ยังมีจุดเด่นในการเรียนพิเศษในรูปแบบใหม่ อีกหลายข้อนะครับติดตามชมบทความหน้าได้เร็วๆนี้

เข้าชมเว็ปไซต์ "ติวกัน" คลิ๊ก www.tiwkan.com

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กวดวิชาเชียงราย >ที่ไหนดี

เข้าชม websit "ติวกัน" คลิ๊ก www.tiwkan.com

กวดวิชาเชียงราย >ที่ไหนดี

สวัสดีครับวันนี้ผมขอมาอธิบายถึงหลักการในการเลือกสถาบันเรียนพิเศษที่ พ่อ แม่ ผู้ปกครองต้อง รู้ และต้องศึกษาก่อนที่จะส่งบุตรหลานของท่านเข้าศึกษาตามสถาบันนั้นๆ เพื่อให้ได้ผลทางการเรียนที่ชัดเจน เห็นผลจริงๆ

ผมขออนุญาติจัดแบ่งประเภทของลักษณะของการเรียนพิเศษออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ เพื่อให้ผู้ปกครองได้เห็นภาพ อย่างชัดเจนว่า 4 กลุ่มใหญ่ขอลักษณะการเรียนพิเศษนั้นมีอะไรบ้าง มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร

การเรียนพิเศษประเภทที่ 1 เรียกว่า การเรียนพิเศษตามสถาบัน ก็ไม่มีอะไรมากครับ เป็นที่นิยมและเป็นที่คุ้ยเคยกันอย่างดี เป็นการรวมกลุ่มของนักเรียนจำนวนมากเข้าด้วยกัน 1 ห้องเรียนมีมากถึง 30 คนขึ้นไป แล้วแต่ที่นั่งเรียนของห้องเรียนนั้นๆ การบรรยายเป็นการบรรยายสดครับ จากครูผู้สอน ประจำโรงเรียนรัฐที่มีชื่อเสียง การเรียนพิเศษในลักษณะนี้เป็นการเรียนพิเศษที่มีมานมนานแล้ว และก็ยังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

ข้อดี: ครูผู้สอน ที่สถาบันเรียนพิเศษ อาจเป็นคนเดียวกันกับครูที่สอนรายวิชาที่โรงเรียน เมื่อนักเรียนทราบว่า ครูที่สอน สอนเพิ่เติมที่สถาบันเรียนพิเศษ นักเรียนก็จะแห่กันไปเรียน จึงทำให้นักเรียนกลุ่มนั้นได้ทบทวนเนื้อหาวิชาเรียนกับครูผู้สอน ที่เดิมก็สอน ที่โรงเรียนอยู่แล้ว รวมทั้งแนวข้อสอบ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นักเรียนต้องการมากที่สุด จากการเรียนพิเศษในลักษณะนี้

ข้อเสีย: 1. บรรยากาศในการเรียนค้อนข้างแย่ ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีนักเรียน จำนวนมากต่อห้องเรียน การที่จะทำให้เด็กเกิดสมาธิในการเรียน นั้นเป็นไปได้ยาก

2. การดูแล ควบคุมจากครูผู้สอนให้ทั่วถึงนั้นเป็นไปได้ยากมาก ครูไม่สามารถที่จะอธิบายให้เด็กนักเรียนเข้าใจได้ทุกคน โดยอิงจากเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้าใจ

3 ครูผู้สอนส่วนใหญ่มักมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ ที่แตกต่างกับเด็กอย่างสิ้นเชิงระหว่างเด็กนักเรียน กับครูผู้สอน ดังนั้น การถ่ายทอดความรู้จึงเป็นอุปสรรค์

3.ค่าใช้จ่ายสูง

การเรียนพิเศษประเภทที่ 2 เรียกว่า การเรียนพิเศษตามสถาบัน แต่รูปแบบการเรียนการสอนเป็นการบรรยายทาง VDO VCD จำนวนนักเรียนก็ไม่แตกต่างจากการเรียนการสอนประเภทแรก แต่สิ่งที่เห็นชัดคือในปัจุบันนักเรียนให้ความสนใจในการเรียน การสอนในรูปแบบนี้มากขึ้น เพราะด้วยค่านิยม และเทคนิคการเรียนการสอนที่แตกต่างจากการสอนในประเภทที่ 1 จึงทำให้การเรียนการสอนประเภทนี้เป็นที่นิยม

ข้อดี : 1.นักเรียนได้เทคนิคการเรียนการสอนที่ดีมาก เท่าเทียบการเรียนการสอนที่กรุงเทพ เพราะเรียนผ่านสื่อการสอน ที่มีความเป็นมาตราฐานเดียวกัน

ข้อเสีย:1 บรรยากาศในการเรียนค้อนข้างแย่ ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีนักเรียน จำนวนมากต่อห้องเรียน การที่จะทำให้เด็กเกิดสมาธิในการเรียน นั้นเป็นไปได้ยาก

2. หากนักเรียนเิกิดข้อสงสัยในการเรียนการสอนตรงจุดใด ก็เป็นเรื่องที่ยากจะได้คำตอบ อย่างทันท่วงที เพราะ การเรียนการสอนไม่ได้เป็นการบรรยายสด แต่เป็การบรรยายผ่านสื่อการสอน VCD

3. ราคาสูงกว่าประภทแรก

การเรียนพิเศษประเภทที่ 3 เรียนกว่าการเรียนการสอนในลักษณะการเรียนพิเศษที่บ้านอาจารย์ หรือ ครูผู้สอนที่สอนรายวิชาเดียวกับที่โรงเรียน นั้นโดยตรงเลย อันนี้ ถือเป็นการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครอง และนักเรียนส่วนใหญ่ได้ดีทีเดียวเลย ทั้งเนื้อหา และ แนวข้อสอบที่นักเรียนต้องการ ก็สามารถตอบโจทย์การเรียนพิเศษในประเภทที่ 3 นี้ได้

ข้อดี : 1. ได้เรียนพิเศษเสริมเพิ่มเติมกับอาจารย์ที่สอนรายวิชาเดียวกันกับที่โรงเรียน ได้ทราบถึงแนวการสอน และแนวทางในการสอบที่ดี

2.การเรียนการสอนทั่วถึง ครูผู้สอนสามารถควบคุมดูแลนักเรียนได้ใกล้ชิดมากกว่า 2 ประเภทแรก

3.ราคาถูกกว่า 2 ประเภทแรก

ข้อเสีย: ด้วยวัยวุฒิ และ คุณวุฒิ ของครูผู้สอน กับนักเรียนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นอุปสรรค์ในการถ่ายทอดความรู้สู่นักเรียน

และการเรียนการสอนประเภทที่ 4 ประเภทสุดท้าย เรียกว่าการเรียนการสอน ในลักษณะการเรียนการสอบแบบตัวต่อตัว กับครูผู้สอนที่มีที่วัย และประสบการใกล้เคียงกัน หรือ ที่เรียนกว่าการ ติวหนังสือ แบบพี่สอนน้อง การเรียนพิเศษในลักษณะนี้เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง พอๆกับ ประเภทที่ 2 เห็นได้ชัดจากประเทศที่มีการแข่งขันทางการศึกษาที่สูง เช่น ประเทศญี่ปุ่น โดยการเรียนการสอนนั้นเน้นเป็นการเรียนแบบจับกลุ่ม กลุ่ม เล็กๆ หรือ เรียนตัว ต่อ ตัว การเรียนการสอนประเภทนี้สามารถตอบโจทย์การเรียนการสอน ของนักเรียนได้ดีที่สุด และ ผู้ปกครองให้ความไว้วางใจมากที่สุดอีกด้วย

ข้อดี : 1 นักเรียนสามารถเช้าใจในรายวิชาเนื้อหาที่เรียนได้อย่างชัดเจน ด้วยการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว และ ครูผู้สอนมีวัยและ ประสบการที่ใกล้เคียงกับนักเรีบย จึงสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ได้อย่างแม่ยำและ นักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงอีกด้วย

2. สามาเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เนื้องจากการเรียนที่ มีจำนวนนักเรียนที่น้อย การเรียนการสอนนั้นจึงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกๆที่เช่น ห้องสมุด ตามห้างสรรพสินค้า ตามบ้านนักเรียน เป็นต้น

3. ไม่เสียเวลาผู้ปกครองไปรับ ไปส่งตามสถาบันที่เรียนนั้นๆ และ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย

ข้อเสีย : ราคาสูงมาก

เข้าชม websit "ติวกัน" คลิ๊ก www.tiwkan.com

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กวดวิชาเชียงราย ทำไมต้องเรียน

ผู้ปกครองหลายๆ ท่านยังคงสับสนมึน งง ว่าแท้ที่จริงแล้ว การ เรียนพิเศษเชียงราย หรือ กวดวิชาเชียงราย นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบุตรหลานของท่านหรือไม่?

ผมเองมีวิธีมาแนะนำว่า บุตรหลานของท่านสมควรที่จะเรียนพิเศษเพิ่มเติมจากที่โรงเรียนหรือไม่

ง่ายๆ ครับสังเกตุได้จากตัวเด็กเลย หากบุตรหลานของท่านเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็ว ครูสอบปุ๊บ get ทันที เด็กประเภทนี้เป็นเด็กที่เรียนกว่า เด็ก Bright เด็กฉลาดนั่นเอง กับเด็กอีกประเภทนึง ที่ ดูเหมือนไม่ตั้งใจเรียน เข้าเรียนบ้าง โดดเรียนบ้าง ครูสอนก็ชวนเพื่อนคุย แต่พอ สอบออกมาคะแนนกลับได้ Top ที่ต้นๆ ของห้อง เด็ก ประเภทนี้ผมเจอบ่อยครับ เพื่อนๆ ผมหลายคนก็เป็นกัน เด็กเหล่านี้เป็นเด็กที่น่ากลัวกว่าเด็กกลุ่มแรกเลย นะครับ เพราะพวกเค้าเข้าใจตัวเองดีว่า เค้าเรียนรู้เร็วอยู่แล้ว เรียนเก่งอยู่แล้ว ฉะนั้นเค้าจะไม่สนใจเรียน ดังนั้นเราต้องเข้าไปมีบทบาทในพฤติกรรมของเด็กพวกนี้ ให้อยู่ในกรอบที่ ถูกที่ ถูกทางจะดีกว่า

เด็กประเภทต่อมาที่ผมไม่แนะนำให้เรียนพิเศษเสริมเพิ่มเติมคือ เด็กที่ Bright ด้วย บวกกับความขยัน เด็ก ขยันด้วยพฤติกรรมของเค้าเอง ไม่ใช้ขยันโดยถูกบีบบังคับ นะครับ

เด็ก 3 ประเภทที่ผมกว่ามา ผมว่าเค้าเล่านั้น ไม่มีความจำเป็นเลยจริงๆ ที่จะเรียนพิเศษเสริมเพิ่มเติม เพราะด้วย พื้นฐาน ไหวพริบ ความฉลาดแล้ว การเรียนรู้ด้วยตัวเด็กเอง บวกกับการเรียนหนังสือ ที่ห้องเรียน ก็เพี่ยงพอกับเด็กเหล่านี้แล้วแหละครับ แต่ข้อเสียของเด็กนักเรียนกลุ่มนี้คือ มีทักษะทางด้าน EQ ที่ต่ำ หรือ ที่เรา้เรียนกว่าทักษะทางด้านอารมณ์ต่ำนั่นเอง

สู้เอาเวลาที่เราผู้ปกครองไปยัดเยียดให้เด็กเรียนพิเศษ ไปให้เค้าได้ไปทำกิจกรรมที่เสริมสร้าง EQ จะดีกว่า เช่น การออกกำลังการ การเล่นดนตรี ฟังเพลง ดูหนัง การศึกษาธรรมะ การช่วยเหลือด้านสังคมอื่นๆ เป็นต้น
ผมเชื่อว่าหากเราส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กที่ถูกต้องทั้ง IQ และ EQ นอกจากเด็กจะมีพัฒนาการที่ดีแล้ว เค้ายังสามารถใช้ชีวิติประจำวันกับเพื่อนๆ และ สังคมโลกกว้างของเค้าได้อย่างมีความสุขแน่นนอน

ส่วนตัวผมเองเคยจัดเป็นเด็กประเภท เด็ก ที่มี IQ ต่ำ และ EQ น่าจะปกติเหมือนเด็กทั่วไปนะครับ ดังนั้นผมเองก็เคยจัดเป็นเด็กที่ IQ ต่ำ เรียนรู้ช้า ไม่ทันเพื่อน ภาษาชาวบ้านเรียก โง่! นั่นเอง ดังนั้น ผมรู้ครับ ว่า จริงๆแล้วการที่เราจะพัฒนาผลการเรียน และ สติปัญญา ให้เทียบเท่าเพื่อนๆนั้นได้ ผมเองต้องการอะไร เด็กเหล่านี้ต้องการอะไร จึงจะสามารถ นำตัวเองหลุดพ้นกับคำต่อว่าของคนอื่นว่าเด็ก โง่! ได้

พ่อ แม่ผู้ปกครองท่านใด รู้แล้วว่าบุตรหลานของท่านจัดอยู่ ใน 3 ประเภทแรกนี้หรือไม่ ก็น่าจะเป็นแนวทางการตัดสินใจที่ดีว่า การเรียนพิเศษเสริมเพิ่มเติมนั้นเหมาะสมกับบุตรหลานของท่านหรือไม่

พ่อ แม่ผู้ปกครองท่านใด รู้แล้วว่า บุตรหลานของท่านไม่ใช่เด็ก 3 ประเภทแรกนี้แน่น บทความหน้าผมมีวิธีแนะนำว่า การเรียนพิเศษในลักษณะหรือ ในรูปแบบใด ที่จะช่วยให้บุตรหลานของท่านที่เรียนไม่เก่งเหมือนกับผมมาก่อนเลย ให้ประสบความสำเร็จในชีวิตของการศึกษาได้อย่างไร ติดตามชมบทความหน้าครับ